ก่อนหน้านี้พี่ต้อย มีข่าวมาแจ้ง ขอเชิญทุกคนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมทำบุญพิมพ์หนังสือสวดมนต์ 10,000 เล่ม ซึ่งนอกจากจะได้อานิสงค์ต่างๆแล้ว ทุกเล่มยังมีส่วนทำบุญ 2 ส่วนด้วยคือ
1. ร่วมสร้างอุโบสถกลางน้ำ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์วิทยาลัย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
2. ร่วมช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ วัดพระบาทน้ำพุ หลวงพ่ออลงกต
เราก็เลยร่วมทำบุญด้วย สั่งพิมพ์หนังสือไป 25 เล่ม ค่าใช้จ่าย 500 บาท (ร่วมสร้างอุโบสถ+วัดพระบาทน้ำพุ 200 บาท) แล้วไม่กี่วันที่ผ่านมาพี่ต้อยก็แจ้งยอดยอดอนุโมทนาบุญ พิมพ์หนังสือสวดมนต์ยอดรวมทั้งหมด 14,110 เล่ม จากเดิมมีส่วนทำบุญ 2 ส่วน ตอนนี้เพิ่มเป็น 3 ส่วน คือ สร้างศาลาปฏิบัติธรรม ที่สาลิกาสิกขาลัย ของแม่ชีศันสนีย์ ด้วย
ตอนนี้ก็ได้หนังสือมาแล้วล่ะ แต่เราไม่รู้จะเอาไปแจกใครมั่ง ก็เลยเก็บไว้เอง 5 เล่ม ที่เหลือก็ฝากให้พี่ต้อยไปจัดการต่อให้ ก็ถามพี่ต้อยว่าหนังสือที่คนอื่นๆฝากให้พี่ต้อยจัดการต่อนี้ จะเอาไปที่ไหนเหรอ พี่ต้อยบอกว่าจะเอาไปไว้ที่วัดระฆังฯบางส่วน แล้วที่เหลือก็จะเอาไปไว้ที่วัดอัมพวัน เราก็รู้สึกคุ้นๆจังเลยวัดนี้ ก็เลยถามรายละเอียดเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับวัดนี้ต่อ พี่ต้อยบอกว่าเป็นวัดที่มีพระอาจารย์จรัญเป็นเจ้าอาวาสไง แล้วก็อยู่ที่ จ.สิงห์บุรี มาถึงตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าทำไมชื่อวัดนี้คุ้นจังเลย ก็เป็นวัดที่เราเคยไปนั่งสมาธิกับเพื่อนมานี่นา
ตอนนั้นบีเค้ามักจะไปนั่งสมาธิที่วัดบ่อยๆ ก็เลยชวนเราไปด้วย อืม ไปหน่อยก็ดีนะ ก่อนหน้านั้นรู้สึกตัวเองอ่อนไหวง่ายมาก รู้สึกหดหู่อยากร้องไห้ตลอดเลย ฟังเพลงดูหนังก็จะร้องไห้ อะไรจะอินขนาดนั้น ^^ คราวนั้นก็ไปกันสามคน มีบี น้องสาวของบี แล้วก็เราอีกคน ออกเดินทางกันวันศุกร์หลังเลิกงาน ไปแวะพักกินข้าวเย็นกันแถวรังสิต จากนั้นก็เดินทางกันต่อ วันนั้นฝกตกหนักมาก ทางที่ไปสิงห์บุรี รถก็ติดยาวเลย ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นมีอุบัติเหต์หรือต้นไม้โค่นขวางถนนนี่แหล่ะ มันนานแล้ว จำไม่ได้อ่ะ บีก็จะโทรถามข่าวกับตำรวจทางหลวงเป็นระยะๆ เพราะทางวัดจะปิดรับคนที่มาทำสมาธิประมาณสามทุ่มมั้ง ก็ค่อนข้างกังวลกันกลัวจะไปไม่ทัน กว่าพวกเราจะหลุดออกมาได้แล้วเดินทางไปถึงวัด ตอนนั้นก็เกือบๆเที่ยงคืนมั้ง ไปถึงวัดฝนก็ยังตกพรำๆอยู่เลย ผู้คนก็นั่งทำสมาธิกันอยู่ พวกเราก็ต้องค่อยๆเดินเข้าไป บีกับน้องสาวก็เดินนำเลยเพราะเคยมากันกับแม่ แล้วก็กรอกรายละเอียดของแต่ละคน จากนั้นแม่ชีก็หาชุดขาวมาเปลี่ยนให้เรา บีกับน้องสาวมีชุดขาวเตรียมมาเองอยู่แล้ว เพราะไปทำสมาธิที่วัดต่างๆกันบ่อย ก็เลยมีชุดเตรียมพร้อม
เนื่องจากเราเป็นผู้ชาย แม่ชีก็เลยให้ไปพักที่ห้องส่วนตัวคนเดียว ส่วนคนอื่นเป็นผู้หญิงก็จะให้ไปนอนรวมๆกันกับคนอื่น อยู่นู่นก็จะมีสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ เดินจงกรม โดยมีเหล่าแม่ชีเป็นผู้ดูแล คนที่ไปปฏิธรรม ก็มีกันทุกเพศทุกวัยเลย แล้วตอนนั้นเราไว้ผมยาว เดินผมพริ้วยาวสลวยมาแต่ไกลเลย แม่ชีก็ทักว่า "เอายางรัดผมมั๊ยลูก" "ครับ ก็ดีครับ ^^"
ไปถึงนู่นช่วงดึกๆวันศุกร์ แล้วก็เก็บของกลับเช้าวันอาทิตย์หลังจากกินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ไปอยู่นู่นเรารู้สึกว่าเราสงบขึ้นนะ ก่อนกลับแม่ชีก็ขอไว้ว่า กลับบ้านแล้วอย่าลืมหาเวลาเดินจงกรม หรือทำสมาธิด้วยนะ อืม ทุกวันนี้เราก็ยังทำนะ แต่ทำเฉพาะนั่งสมาธิ แล้วก็ทำเฉพาะเสาร์อาทิตย์อ่ะ เมื่อก่อนนั่งได้เป็นชั่วโมงเลย ช่วงที่งานยุ่งๆเราก็ละเลยไป แล้วกลับมาเริ่มนั่งใหม่ เดี๋ยวนี้ได้ประมาณสิบนาทีมั้ง แหะ แหะ กำลังพยายามอยู่
ตอนไปอยู่วัดเราก็บริจาคช่วยค่าน้ำค่าไฟค่าซักเสื้อผ้าไปนิดๆหน่อยๆ ไม่ได้เตรียมตังค์ไปเยอะอ่ะ ตอนนี้หนังสือที่เราทำบุญก็จะเอาไปไว้ที่วัดอัมพวัน ก็ถือว่าเราได้ทำบุญกะที่วัดอีกครั้งเนอะ ดีจังเลย ^^
Comments